ถ้าไม่ไปตอนนี้เมื่อไรจะไป !
ความพร้อมไม่มีในโลก..
เคยเป็นมั้ยเวลาที่คิดล่วงหน้าแล้วว่าจะไปเที่ยวที่ไหนสักแห่ง หรือทำอะไรสักอย่าง ทั้งๆที่คิดไว้มานาน แต่พอถึงเวลาเข้าจริงดันรู้สึกว่า
เห้ย! ยังไม่พร้อมเลย !!
หลังจากตอบรับคำชวนขึ้นดอยครั้งแรก (สิงหาคม,2012) แบบงงๆไป
นี่ต้องเตรียมอะไรบ้าง ถุงนอน ไฟฉาย จะมีทากมั้ย จะได้อาบน้ำรึเปล่า บลาๆๆ
หลังจากออกเดินทางจาก กทม.ตอนดึกๆ หลับมาในรถตู้แบบทรมานเล็กๆ พอตอนเช้าตรู่เราก็มาถึงที่นี่กันแล้ว
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวฮะ อยู่ที่อุตรดิตถ์นี่เอง
จังหวะแรกเมื่อก้าวลงจากรถคือ หมอก หมอก หมอก !!! นั่นหมอกชัดๆ เกิดมาเพิ่งเคยเห็นหมอกเยอะขนาดนี้
ภูสอยดาวเป็นป่าที่ต้องมาหน้าฝน เพราะทีเด็ดคือ ดอกหงอนนาค ซึ่งจะบานแค่ช่วงหน้าฝนนี้เท่านั้น
พออากาศชื้นๆ เย็นๆ ฝนพรำ ก็กลายเป็นหมอกแบบนี้นี่เอง
ด้วยความที่เป็นมือใหม่ ไม่ได้ฟิตเท่าไร แถมฝนตกอี้ก พวกเราใช้เวลาเดินขึ้นภูสอยดาวร่วมๆ 5 ชม.ได้
ผ่านเนิน 5 เนิน (เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง เนินมรณะ) เนินสุดท้าย โหดสุดและชันสุดชมชื่อจริงๆ
พอเดินขึ้นเขาสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จะเริ่มเห็นป่าสนอยู่ข้างหน้า แบบหมอกหนาจริงอะไรจริง (ช่วงนี้ฝนตกหนักมาก)
เดินผ่านป่าสนไปที่ลานกางเตนท์บนภูสอยดาว เดินชมดอกหงอนนาคไปพลาง ๆ
(เดินขึ้นเขา 5 ชม. เพื่อสิ่งนี้ !) จริงๆชอบเข้าป่าเพราะว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์คนติดต่อไม่ได้นี่แหละ 5555 ช้อบ ชอบ
ตัดขาดจากโลกแห่งงาน และซึมซับธรรมชาติให้เต็มที่ฮะ
ด้วยความที่ภูสอยดาวนี่ทางขึ้น-ลง ค่อนข้างใช้เวลา เพราะไกล แถมต้องระวังลื่น แต่ข้างบนนี้ก็ยังมีอะไรให้ดูอีกเยอะ
โดยทั่วไปถ้ามาเที่ยวที่นี่เราจะค้างกัน 2 คืน ทำให้มีเวลาสบายๆไม่ต้องรีบร้อน เดินสำรวจลานสนบนภูสอยดาวก่อนไปถึงจุดกางเตนท์แบบชิวๆ
ส่วนใครที่ไส้ตรงต้องอึทุกวัน ที่นี่ก็สบายมาก ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะบนภูสอยดาวมีห้องนำ้เป็นสัดส่วนอย่างดี (ไม่ใช่แบบไม้กระดาน 2 แผ่นแน่นอน)
น้ำข้างบนภูสอยดาวก็มีใช้แบบสบายๆเพราะเจ้าหน้าที่ทำที่รองน้ำฝนไว้ให้แล้ว หรือใครชอบธรรมชาติข้างๆก็มีลำธารอยู่นะ น้ำเย็นสดชื่นมาก
แต่พี่ที่เค้าเดินป่าบ่อยๆ ก็จะบอกว่า อย่าพยายามเอาสารเคมีอะไรไปปนเปื้อนกับน้ำธรรมชาติ ระบบนิเวศน์อาจจะเสียได้
มาเที่ยวแบบผู้มาเยือน ต้องเผื่อแผ่เค้าด้วยนะ
เช้าวันที่ 2 หลังจากล้างหน้าล้างตา ซัดโอวันติน เราก็มาเดินสำรวจข้างบนภูสอยดาวกันต่อ เช้าๆแบบนี้หมอกดีจริงๆ
ที่นี่หมอกชื้นมาก แถมบางทีก็มีฝนตกอีกตะหาก ก่อนกางเตนท์ก็เลือกทำเลดีๆหน่อยนะฮะ แบบน้ำไม่ขัง
มีหนังสือพิมพ์ก็ปูรองลงไปก่อนอีกชั้นนึง ช่วยได้มากเพราะกลางคืนที่นี่ก็เย็นใช่เล่นเลย
(ก่อนนอนเอารองเท้าเข้ามาไว้ข้างในเตนท์กันน้ำค้างหน่อยก็ดี แต่ถ้าเปียกไปแล้วก็ช่างแม่งเหอะ 5555)
พยายามนึกถึงเพลงอื่นเวลาๆเจอหมอกเยอะๆ นอกจากเพลงพี่เบิร์ด
มีเพลงอื่นที่ดีกว่าหมอกจางๆและควันมั้ยฮะ
นอกจากลานกางเตนท์ ป่าสนข้างบนแล้ว เดินไปไม่ไกลจากจุดกางเตนท์นัก บนภูสอยดาวก็มีน้ำตกให้ดูด้วยนะ
ชื่อน้ำตกสายทิพย์ ใช้เวลาไม่มาก แต่เหมาะกับคนที่อินกับน้ำตก (เราไม่อินเท่าไรอ่ะ 5555) เลยลงไปแล้วไม่ค่อยได้ถ่ายรูปนัก
ใครชอบเดินน้ำตกก็จัดกันไปฮะ ระวังลื่นด้วย
นี่มากันไกลถึงต่างประเทศนะ 5555 เดินออกจากจุดกางเตนท์มาไม่นานก็จะมีหลักเขตแดนไทย-ลาว ฝั่งนู้นก็เป็นลาวแล้ว (พูดเหมือนใกล้)
ส่วนตัวชอบป่าสนบนภูสอยดาวตรงช่วงนี้มาก สำหรับคนที่ติดโทรศัพท์อยู่ลานกางเตนท์นี่ไม่มีสัญญาณนะ แต่ฝั่งลาวนี่มี(ดีแทค) ลองมาใช้ดูได้ 555
พอเมฆเคลื่อนออกไปแล้วนี่เหมือนคนละที่เลย ฟ้าใส แดดดีจริงๆ แต่ก็ยังเห็นเมฆอยู่ใกล้มาก ลอยไม่ไกลออกไปเท่าไร
ลืมบอกไปว่าถึงอากาศภูสอยดาวจะชื้นมากแต่เราไม่เจอทากนะฮะ แต่มีที่แสบพอๆกันคือตัวคุ่นนี่เอง (ตัวพอๆกับยุงแต่ล่ำกว่าและคันระเบิดเทิดเทิง)
ส่วนตัวอาจจะแพ้ กลับไปเป็นตุ่มปูดๆ อักเสบและคันอยู่หลายอาทิตย์ทีเดียว ทดลอง 2 ตุ่ม ตุ่มที่บีบเลือดออกนี่หายคันไวกว่าแฮะ
แต่ขึ้นเขาช่วงหลังๆ เจอตัวอะไรกัดต้องบีบออกก่อนตลอด รู้สึกว่าหายไวขึ้น (คิดไปเองรึเปล่าไม่รู้)
สีเขียวในธรรมชาตินี่มันมีหลายเฉดดีจริงๆ หลายๆคนคงอยากรู้ว่า ชื่อภูสอยดาวนะ แล้วดาวสวยมั้ย?
โห ก็สวยนะแต่อย่าถามเลยว่าเป็นไง ตอนกลางคืนก็อยากจะกัดฟันออกมาถ่ายดาวหรอก แต่หนาวหงิกมาก
น้ำค้างแรงสุด ไม่คิดว่าบนภูเขามันจะหนาวขนาดเน้ ขาตั้งกล้องก็ไม่มี
เอาเป็นว่าก็เสพด้วยตาเปล่าไปพลางๆก่อนแล้วกันนะ ของแบบนี้อยากเห็นต้องมาเอง 55
เวลามาเที่ยวธรรมชาติเนี่ยชอบมากเลย ตอนที่รู้สึกว่าจริงๆแล้วตัวเราแม่งเล็กนิดเดียวเอง
มองลงไปข้างล่างต้นไม้ใหญ่ๆนั้น นี่เห็นแค่เป็นอะไรขุยๆ แค่เนี้ยย
สำหรับสายแดกเวลานั่งชมวิว ดูอะไรเพลินๆแล้วอาจจะเหงาปาก อย่าลืมติดขนมขึ้นมากินกันด้วยนะฮะ
บางทีขนมก็ช่วยชีวิตระหว่างทาง เดินๆอยู่หน้ามืดขึ้นมา ก็ยัดมันเข้าไปฮะ ของหวานช่วยท่านได้ (แต่อย่าจุกล่ะ)
ไปต่อกันที่จุดชมวิวดูพระอาทิตย์ตกบนภูสอยดาวซะหน่อย โอ้ย แสงดีงามสวยแบบตายไปเลย
ช่วงเวลาที่แสงใกล้หมด 1 ชม. ก่อนดวงอาทิตย์กำลังจะตกแล้ว ที่เค้าเรียกกันว่า Magic hour
คือ magic จริงๆ ซึ้งมาก บรรยากาศดีๆ สวีทมาก ทำให้อะไรรอบตัวสวยขึ้นอึก 30%
ช่วงที่ดูพระอาทิตย์ตกแบบนี้ก็อย่าลืมเตรียมไฟฉายออกมากันเหนียวไว้ด้วยก็ดี
ตอนที่เห็นภูเขาแบบนี้ก็รู้สึกว่าที่ลำบากลำบนมาทั้งหมดนี่ คุ้มแล้วฮะกับภูสอยดาว : )
รู้ไว้ก็ดี :
- ไฟฉายตอนแรกที่เอาไปเป็นแบบใช้มือส่อง แต่พอเวลาไปเข้าห้องน้ำนี่ลำบากมากเลยฮะ เมื่อยปาก 555 (ตอนนี้อัพเกรดเป็นไฟฉายติดหัวแล้ว ชีวิตดี)
- สัมภาระเอาใส่ถุงพลาสติกทุกครั้ง เพราะแม่งเปียกชัวร์
- มีเสื้อกันหนาวเผื่อไว้ในเป้ติดตัว 1 ตัวเสมอ เพราะลูกหาบบางทีก็มาช้าไปอีก อาจจะหงิกตายก่อน
- เสื้อกันฝนก็ติดมาด้วย เพราะว่าฝนตัวชัวร์
- รองเท้าดอกใหญ่ๆ หน่อยจะดีมากฮะ
item :
- กล้อง sony nex-7 /18-200
- รองเท้า paradium
- ถุงนอน karana (comfort +20, risk +10) มีความหนาวหงิกอยู่ประมานนึง
- กางเกงยีนส์ (พลาดมากและไม่แห้งตลอดคืน)
Admin : S.
Have no idea what is says, but beautiful pictures!
LikeLike
thanks, i’m glad to hear that 🙂
LikeLike